
เหล็กข้ออ้อยคืออะไร เอาไปใช้งานยังไง จีเอสวัสดุ
มีคำตอบ…
เหล็กข้ออ้อย หรือ DB (Deformed Bars) หรือชื่ออื่นๆตามถนัดเรียกไม่ว่าจะเป็น เหล็กอ้อย เหล็กบั้ง เหล็กข้อ ฯลฯ โดยเหล็กข้ออ้อยนั้นจัดอยู่ในประเภทของเหล็กเส้น ที่มีลักษณะเป็นปล้องๆ คล้ายอ้อย มีครีบและบั้งที่ผิวเหล็ก ซึ่งหน้าที่ของครีบและบั้งนั้นช่วยให้เหล็กยึดเกาะกับคอนกรีตได้ดี ทำให้โครงสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กมีความแข็งแรง เป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนมากมักจะใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กับคอนกรีต เช่น คาน เสา สะพาน เขื่อน บ้าน อาคาร และงานก่อสร้างที่มีแรงอัดมากๆ จุดสังเกตลักษณะที่ดีของเหล็กข้ออ้อยอยู่ที่พื้นผิวของเหล็ก โดยผิวควรจะเรียบ ไม่ขรุขระ ยกเว้นบริเวณที่เป็นบั้ง ไม่มีรอยปริแตก ระยะของบั้งต้องสม่ำเสมอเท่ากันตลอดเส้น มีขนาดและรูปร่างที่เหมือนกัน ที่สำคัญเนื้อเหล็กต้องไม่เป็นสนิม
Contents
Toggleเหล็กข้ออ้อยมีกี่ขนาด ?
กี่ประเภท ?
โดยแบ่งตามชั้นคุณภาพ
ขนาดและน้ำหนัก เหล็กข้ออ้อย
เหล็กข้ออ้อยนั้นมีหลายขนาดและหลายความสามารถในการรับแรง ซึ่งเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน
เหล็กข้ออ้อย มาตรฐาน มอก.24-2548 จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 10 – 32 มม. มีความยาวมาตรฐาน 10 เมตร และ 12 เมตร มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่
- เหล็กข้ออ้อย SD30 คือ เหล็กที่ต้องมีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 3,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร
- เหล็กข้ออ้อย SD40 คือ เหล็กที่ต้องมีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 4,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร
- เหล็กข้ออ้อย SD40T คือ เหล็กที่มีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 4,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร มีธาตุผสมที่น้อยกว่า จึงเป็นตัวที่ส่งผลให้สามารถเชื่อมต่อเหล็กข้ออ้อยได้ง่ายกว่าเหล็กข้ออ้อยธรรมดา
- เหล็กข้ออ้อย SD50 คือเหล็กที่มีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 5,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร
- เหล็กข้ออ้อย SD50T คือเหล็กที่มีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 5,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร มีธาตุผสมที่น้อยกว่า จึงเป็นตัวที่ส่งผลให้สามารถเชื่อมต่อเหล็กข้ออ้อยได้ง่ายกว่าเหล็กข้ออ้อยธรรมดา


จำนวนเหล็กข้ออ้อย ในหนึ่งมัด

ประโยชน์ของเหล็กข้ออ้อย
เหล็กข้ออ้อยเป็นเหล็กที่ใช้ในเพื่อเป็นโครงสร้างการก่อสร้างโครงสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก และรองรับน้ำหนัก ซึ่งในการก่อสร้างแต่ละครั้งยังต้องมีการใช้งานควบคู่กับเหล็กเส้นกลมด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของวิศวกรประจำโครงการ แต่ส่วนมากก็จะใช้เหล็กข้ออ้อยเป็นหลัก เพราะเหล็กข้ออ้อยมีคุณสมบัติรับแรงได้ดีกว่าเหล็กเส้นกลม และเป็นเหล็กที่มีแรงยึดเกาะที่ผิวสูง เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น เขื่อน สะพาน ตึกที่มีความสูงมากหรืองานก่อสร้างที่ต้องรับแรงอัดมากๆ
เหล็กข้ออ้อยที่นิยมนำมาใช้งานเป็นอย่างมากในไทย
สำหรับเหล็กข้ออ้อยนั้นมีหลายขนาดตามที่กล่าวไปช้างต้น แต่สำหรับขนาดของเหล็กที่ช่างไทยหรือผู้รับเหมาในไทยนิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ เหล็กข้ออ้อย 4 หุน ที่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 มม. ไปจนถึงขนาด 4 หุนอ้อยโรงใหญ่ ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 มม. ตามแต่เนื้องานที่เหมาะสมว่าจะต้องใช้เหล็กขนาดเท่าไร นอกจากขนาดแล้วก็มีประเภทที่แยกเป็นแบบงอหรือแบบเรียกอีกอย่างว่าพับและแบบเส้นตรง
เคล็ดลับการเลือกเหล็กข้ออ้อย
- เส้นผ่านศูนย์กลาง และน้ำหนักของเหล็กข้ออ้อย ถูกต้อง เช่น SD40 DB16 ต้องได้ความหนาที่ 16 มม. น้ำหนัก 1.578 กิโลกรัม ต่อความยาว 1 เมตร ส่วนความยาวต้องได้ 10 เมตร (หรือ 12 เมตร ตามสเปค)
- เหล็กข้ออ้อย ต้องมีระยะบั้งที่เท่ากัน และสม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น ไม่มีสนิม รอยตำหนิ รอยปริ และแตกร้าว
- เนื้อเหล็ก ต้องไม่ถูกสนิมกินเข้าไป หรือหากมีสนิมบ้างบนผิวเหล็ก ซึ่งอาจเกิดจากสภาพอากาศของเมืองไทย ยังสามารถใช้งานได้ปกติ
- เมื่อดัดโค้งงอ จะต้องไม่ปริแตก และหักได้ง่าย
วิธีการเรียกขนาดของเหล็กเป็นหุน
เนื่องจากผู้รับเหมา หรือผู้ที่ทำงานอยู่ในวงการก่อสร้างบางคนเรียกชื่อเหล็กแต่ละชนิดแตกต่างกันตามความถนัด และความเคยชินของแต่ละคน หนึ่งในนั้นคือการเรียกเหล็กเส้น เป็นหุน โดยมีวิธีการคำนวณ ดังนี้
- ขนาด 1 นิ้ว ของไม้บรรทัด หากเทียบเป็นเซนติเมตร จะยาวเท่ากับ 25 มิลลิเมตร หรือ 2.50 เซนติเมตร (ตัวเลขที่ถูกต้องสำหรับวิศวกรใช้คือ 2.54 เซนติเมตร)
- ความยาว 1 นิ้ว ของไม้บรรทัด สามารถแปลงเป็นหน่วยเซนติเมตรได้เท่ากับ 25 มิลลิเมตร หรือ 2.50 เซนติเมตร (ความยาวที่ถูกต้องสำหรับวิศวกร คือ 2.54 เซนติเมตร)
- ในความยาว 1 นิ้ว สามารถแบ่งได้เป็น 8 ช่อง ซึ่ง เรียกว่า 8 หุน
- หาก 1 หุน จึงต้องประมาณเท่ากับ 25/8 = 3.13 มิลลิเมตร
จึงสามารถเปลี่ยนจากมิลลิเมตรเป็นหุนได้ตามนี้
- เหล็ก DB12 มิลลิเมตร จึงเท่ากับ เหล็ก 4 หุน (1/2 นิ้ว)
- เหล็ก DB16 มิลลิเมตร จึงเท่ากับ เหล็ก 5 หุน (5/8 นิ้ว)
- เหล็ก DB20 มิลลิเมตร จึงเท่ากับ เหล็ก 6 หุน (3/4 นิ้ว)
- เหล็ก DB25 มิลลิเมตร จึงเท่ากับ เหล็ก 8 หุน หรือเหล็กนิ้ว (1 นิ้ว)