
มาคลายข้อสงสัย ความคล้ายที่แตกต่าง
ของเหล็ก H-Beam, I-Beam และ Wide Flange กับจีเอสกัน
จีเอส จะมาคล้าย ข้อสงสัย ของเหล็ก เอชบีม ไอบีม และ ไวด์แฟรงค์ ทั้ง 3 ชนิด เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร เรียกอย่างไรถึงจะถูกต้อง
Contents
Toggleเหล็ก H-Beam
เหล็ก H-Beam คือเหล็กรูปพรรณรีดร้อนที่มีหน้าตัดเป็นรูปตัวเอช (H) แต่ปีกจะมีความกว้างเท่ากันกับความกว้างของแผ่นตรงกลาง คล้ายตัว H อีกทั้งยังมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แข็งแรงกว่าเหล็กรูปทรงอื่น ซึ่งออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักและกระจายแรงได้อย่างทั่วถึง มีขนาดหน้าตัดให้เลือกหลากหลาย มาพร้อมคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้มาก เหมาะสำหรับงานโครงสร้างอาคาร โครงสร้างทำคาน เสา หรือหลังคา เป็นต้น

ลักษณะเด่น
หน้าตัดเป็นรูปตัวเอช (H) มีความกว้างเท่ากันกับความกว้างของแผ่นตรงกลาง มีหน้าตัดให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ H100 x 50mm ถึงสูงสุด H900 x 300 มิลลิเมตร การใช้งานจึงหลากหลายมากขึ้น
- มาตรฐาน มอก. 1227-2539
- ต้านทานการตัดโค้ง (Bending) และการบิด (Twisting) ได้ดี นิยมใช้เป็นเสาคานและตงพื้น
การใช้งาน
โครงสร้างอาคาร เช่น ที่จอดเครื่องบิน (Hangar) โครงสร้างโครงงานหรือโครงกรขนาดใหญ่ และอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีความแข็งแรงสูงและควรค่าแก่การลงทุน
เหล็ก H-Beam ใช้ทำอะไร เหมาะกับงานแบบไหน
การใช้เหล็ก H-Beam นิยมใช้ในงานก่อสร้างขนาดใหญ่ หรือขึ้นโครงหลังคาของอาคาร โรงงาน บ้านพักอาศัยที่มีขนาดใหญ่
เหล็ก H-Beam โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 มาตรฐาน คือ
- SS400, SS490, SS540 มีค่าบ่งบอกคุณภาพของการรับแรงอยู่ที่ 235-245N/mm2 (~2,400 ksc)
- SM400, SM490, SM520 มีค่าบ่งบอกคุณภาพของการรับแรงอยู่ที่ 355-365N/mm2 (~3,600 ksc)
มีความยาวให้เลือกใช้คือ 1 เมตร, 6 เมตร, 9 เมตร, 12 เมตร
ขนาดและน้ำหนัก ของเหล็ก H-Beam

เหล็ก I-Beam

เหล็ก I-Beam คือเหล็กรูปพรรณรีดร้อนที่มีหน้าตัดคล้ายตัวไอ (I) เนื่องจากปีกของเหล็ก I-Beam จะมีความลาดเอียงเข้าสู่แกนกลางและมีโคนที่หนา มองเผินๆ คล้ายแก้วแชมเปญ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเหล็ก I-Beam เหล็ก Wide Flange และเหล็ก H-Beam อย่างชัดเจน โดยเหล็ก I-Beam จะเหมาะกับงานที่ต้องรับน้ำหนักมากและมีแรงกระแทกสูง เช่น โครงสร้างหลักของอาคาร รางเครนยกของในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
ลักษณะเด่น : หน้าตัดเป็นรูปตัวไอ (I) คล้ายกับเหล็ก H-Beam แต่ต่างกันที่ปีก เพราะปีกของเหล็ก I-Beam จะเป็นมุมลบเหลี่ยม แต่มีโคนปีกที่หนาจึงรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี
- ต้านทานการตัดโค้ง (Bending) และการบิด (Twisting) ได้ดี นิยมใช้เป็นเสาคานและตงพื้น
การใช้งาน : เหมาะกับงานที่ต้องรับน้ำหนักและแรงกระแทกสูง เช่น เครื่องจักร รางเครน เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง เสา
เหล็ก I-Beam สร้างมาเพื่อรับแรงกระแทก
เนื่องจากลักษณะพิเศษทางกายภาพเฉพาะตัวของเหล็ก I-Beam ที่เป็นรูปตัว I จึงทำให้มีความหนามากกว่าเหล็กชนิดอื่นๆ ทำให้มีความคงทนที่มากกว่า สามารถรับแรงกดและรับแรงกระแทกได้ดียิ่งกว่าเหล็กประเภทอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เหล็ก I-Beam จึงถูกนำไปใช้ในงานโครงสร้างเป็นส่วนใหญ่
ขนาดและน้ำหนัก ของเหล็ก I-Beam

ขนาดมาตรฐาน เหล็ก I-Beam ที่เป็นที่นิยม
5×12.5×6 เมตร
200x100x7x10x6 เมตร
5×9.5×6 เมตร
เหล็ก Wide Flange

เหล็ก Wide Flange (WF) คือเหล็กรูปพรรณรีดร้อนที่มีหน้าตัดเป็นรูปตัวเอช (H) โดยตัวปีก (Flange) ของเหล็ก จะกว้างออกไปทั้งซ้ายและขวาจากแกนกลาง จึงเป็นที่มาของคำว่าWide Flange เหล็ก Wide Flange มีเนื้อเรียบหนาเท่ากันตลอดเส้น แข็งแรง และทนทานสูง จึงนิยมนำไปใช้กับงานโครงสร้าง เช่น ใช้ทำเสา คาน โครงหลังคา โครงถัก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังนิยมนำไปใช้แทนโครงสร้างคอนกรีต เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทำให้ติดตั้งหน้างานเสร็จเร็ว
ลักษณะเด่น : หน้าตาคล้ายกับเหล็ก H-Beam และเหล็ก I-Beam แต่เหล็กWide Flange จะมีความกว้างของแผ่นตรงกลางมากกว่าปีกทั้ง 2 ข้าง และมีความเท่ากันตลอดทั้งแผ่น ทำให้เหล็กมีเนื้อเดียวกัน และยังคงความแข็งแรง ไม่มีรอยต่อระหว่างส่วนต่างๆ
- หน้าตัดมาตรฐาน ASTM ของประเทศสหรัฐอเมริกา
การใช้งาน : เหมาะสำหรับงานเสา คาน โครงสร้างหลังคา โครงสร้างคอนกรีต ช่วยลดขั้นตอนในการทำงานและดูแลรักษาง่าย
ประเภทของเหล็ก Wide Flange
- เหล็ก Wide Flange ทั่วไป (Standard Wide Flange) : เหมาะสำหรับงานโครงสร้างทั่วไป เช่น อาคาร โรงงาน สะพาน
- เหล็ก Wide Flange หนาพิเศษ (Heavy Wide Flange) : เหมาะสำหรับงานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น อาคารสูงระฟ้า โครงสร้างใต้ดิน
- เหล็ก Wide Flange คานเบา (Junior Wide Flange) : เหมาะสำหรับงานโครงสร้างที่ต้องการน้ำหนักเบา เช่น โครงหลังคา โครงสร้างอาคารขนาดเล็ก
มาตรฐานของเหล็ก Wide Flange
ประเทศไทยได้กำหนดมาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพ มาตรฐานที่ใช้อ้างอิงคือ มอก. 1227-2558 (2015)
- GRADE : SS400 SS490 SS540 SM400 SM490 SM520
มีความยาวให้เลือกตั้งแต่ 1 เมตร, 6 เมตร, 9 เมตร, 12 เมตร
ขนาดและน้ำหนัก ของเหล็ก Wide Flange

จีเอสแยกความแตกต่างของเหล็กทั้ง 3 ประเภท
เหล็ก H-beam I-beam และ Wide Flange ต่างกันอย่างไร
เหล็กทั้ง 2 หน้าตัดนี้ มีข้อแตกต่าง ดังนี้
- ด้านการนำไปใช้งาน
เหล็ก H-Beam และ Wide Flange จะนำไปใช้ในงานก่อสร้างอาคาร เป็นชิ้นส่วนของ เสา คาน โครงหลังคา ฯลฯ ส่วนเหล็ก I-Beam จะนิยมนำไปทำรางเคน Crane Girder ที่ไว้ใช้ยกของที่มีน้ำหนักมาก
- ด้านลักษณะรูปร่าง
จุดแตกต่างของเหล็กทั้ง 2 หน้าตัด คือ ปีก Flange ทั้งบนและล่างของเหล็ก H-Beam จะเป็นแผ่นเรียบหนาเท่ากันตลอด เป็นรูปตัว H เท่ากันทั้งปีกและส่วนเสา ส่วนเหล็ก Wide Flange จะมีความหนาเท่ากันตลอดเช่นกัน แต่ส่วนปีกจะมีความกว้างไม่เท่ากับความกว้างเสา ส่วนของเหล็ก I-Beam ทั้งปีกบนและล่างจะเป็นแผ่นเอียง หรือ Taper Flange ซึ่งขนาดหน้าตัดเหล็กที่เท่ากัน I-Beam จะมีน้ำหนักต่อเมตรสูงกว่า H-Beam เนื่องจากเหล็ก I-Beam จะมีความหนาของเหล็กมากกว่าเพื่อรองรับแรงกระแทกและการเคลื่อนที่จากรางเครน
- ความแตกต่างด้านลักษณะภายนอก
ความแตกต่างด้านลักษณะภายนอกที่สังเกตได้ชัดๆ คือ ปีก (Flanges) ของเหล็ก I-Beam จะมีความลาดเอียงเข้าสู่แกนกลาง เอว (Web) และปลายมีความโค้งมน โคนปีกจะมีความหนากว่าปลายปีก ต่างจากเหล็ก Wide Flange และเหล็ก H-Beam ที่จะไม่โค้งเข้าสู่แกนกลาง นอกจากนี้ เหล็ก Wide Flange จะมีความกว้างของแผ่นเหล็กตรงกลางที่กว้างมากกว่าปีกทั้งสองข้าง ไม่เหมือนกับเหล็ก H-Beam ที่ความกว้างของปีกทั้งสองข้างเท่ากับความกว้างของแกนกลาง
- ความแตกต่างด้านน้ำหนัก
เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดหน้าตัดของเหล็กที่เท่ากัน เหล็ก I-Beam จะมีน้ำหนักต่อเมตรสูงกว่าเหล็ก H-Beam และเหล็ก Wide Flange เนื่องจากเหล็ก I-Beam จะมีความหนาของเหล็กมากกว่าเพื่อรองรับแรงกระแทกหนัก ๆ อย่างรางเลื่อน ตัวเครนยกของหนัก ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือโครงสร้างขนาดใหญ่
- ความแตกต่างด้านการใช้งาน
เหล็ก H-Beam และเหล็ก Wide Flange มีหน้าตัดหลายขนาด ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้หลายประเภท ตั้งแต่งานโครงสร้างเล็ก ๆ ไปจนถึงโครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ เช่น เสา คาน โครงหลังคา โครงสร้างของอาคาร โครงสร้างของโรงงาน หรืองานโครงการขนาดใหญ่ เช่น โรงจอดเครื่องบิน (Hangar)
เหล็ก I-Beam เหมาะกับงานก่อสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมากหรืองานที่ต้องรับแรงกระแทก เพราะความหนาของปีก (Flanges) ทำให้เหล็กไอบีมรองรับน้ำหนักได้ดีกว่าเหล็ก H-Beam และเหล็ก Wide Flange โดยเหล็ก I-Beam นิยมถูกนำไปใช้ในงานรางเลื่อน ตัวยกเครนในโรงงานอุตสาหกรรม
- มาตรฐานอุตสาหกรรม
เหล็ก I-Beam และเหล็ก H-Beam ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน คือ มอก. 1227-2558 เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน ส่วนเหล็ก Wide Flange เป็นหน้าตัดเหล็กตามมาตรฐาน ASTM ของประเทศสหรัฐอเมริกา
เหล็ก H-Beam และ เหล็ก Wide Flange เหมือนหรือต่างกัน
เหล็กสองชนิดนี้คือเหล็กประเภทเดียวกัน ลักษณะของเหล็ก H-Beam กับ Wide Flange ทั้งสองจะมีหน้าตาเหมือนกันทุกประการ ก็คือจะมีปีกบน (Flanges) และปีกล่างเท่ากันคงที่ต่อเนื่องเท่ากันทั้งเส้น แต่การที่มีชื่อเรียกที่ต่างกันนั้น มาจาก 2 สาเหตุ คือ
- มาตรฐานที่รองรับ
เหล็ก H-Beam จะเป็นเหล็กตามมาตรฐาน มอก. (TIS) ของประเทศไทย หากยึดตามสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ที่กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน มอก. 1227 ฉบับล่าสุด ซึ่งระบุไว้ว่าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนหน้าตัดรูปตัว H ให้เรียก เหล็กรูปตัวเอช (H-Section Steel) หรือ “H-Beam”
เหล็ก Wide-Flange แท้จริงแล้วเป็นการเรียกเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนรูปตัว H ตามมาตรฐาน ASTM (American Society for Testing and Materials) A6 “Standard Specification for General Requirements for Rolled Structural Steel Bars, Plates, Shapes, and Sheet Piling” ซึ่งได้ระบุไว้ว่าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนหน้าตัดรูปตัว H ให้เรียก “W-Shape” หรือ “Wide Flange”
- หน่วยในการวัด
เหล็ก H-Beam หน่วยที่ใช้ระบุขนาดของ H-Beam เป็นหน่วยวัดในระบบเมตริก (Metric system) มีหน่วยวัดความยาวเป็น มิลลิเมตร (mm.) เช่น H 200x100x5.5×8 mm. , H 300x300x10x15 mm. ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าขนาดหน้าตัดที่มีสัดส่วน ความลึกกับความกว้าง เท่าหรือไม่เท่ากันก็ตาม จะเรียกเหมือนกันว่าโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนหน้าตัดรูปตัว H หรือ H-Beam
เหล็ก Wide-Flange หน่วยที่ใช้ระบุขนาดของ Wide Flange เป็นหน่วยวัดอังกฤษ (Imperial units) เช่น W 8”x4” , H6”x6” มีหน่วยวัดความยาวเป็น นิ้ว (inch.) ซึ่งในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าขนาดหน้าตัดจะมีสัดส่วน ความลึกกับความกว้าง เท่าหรือไม่เท่ากันก็ตาม ถ้ายึดตามมาตรฐาน ASTM เราเรียกเหล็กชนิดนี้ว่า Wide Flange
โดยสรุปแล้ว เหล็ก H-Beam และเหล็ก Wide-Flange จึงต่างกันเพียงแค่มาตรฐานที่มีการรองรับ และหน่วยใช้วัดที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเรียกชื่อเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ หน้าตัดรูปตัว H จึงสามารถเรียกได้ทั้ง 2 ชื่อ ไม่แปลกที่มักเกิดการสับสน ซึ่งทั้งสองมาตรฐานนี้ก็เป็นมาตรฐานที่สามารถเชื่อถือได้
ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก H-Beam เหล็ก Wide-Flange หรือ เหล็ก I-Beam ที่จีเอสวัสดุ เรามีให้ลูกค้าเลือกใช้งานครบทุกแบบทุกประเภทที่ต้องการเพียงคลิกมาที่ จีเอสวัสดุ ลูกค้าสามารถสอบถามหรือปรึกษาเรื่องเหล็กก่อนการตัดสินใจซื้อได้ ด้วยประสบการณ์ในวงการเหล็กกว่า 30 ปี